เดอะซิกซ์เซนส์ สัมผัสผ่านเรื่องเล่าและเรื่องจริง ตอน5

เดอะซิกซ์เซนส์

เดอะซิกซ์เซนส์ สัมผัสผ่านเรื่องเล่าและเรื่องจริง คนที่ได้รู้ได้เห็นในสิ่งที่น้อยคนจะได้สัมผัส เรื่องเหนือธรรมชาติ นี่คือบุญหรือกรรม?

เดอะซิกซ์เซนส์

หลังจากเหตุการณ์จมน้ำ….
การจมน้ำในครั้งนี้ของน้ำตาลยิ่งทำให้เธอได้พบเจอกับเรื่องแปลกๆ ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าจะหาเหตุผลไหนมาอธิบายให้คนอื่นเข้าใจ เพราะลึกๆเธอกลัวว่าทุกคนจะมองว่าเธอเป็นบ้าหรือคิดไปเอง แม้แต่เรื่องที่เจอผู้หญิงคนนั้นใต้น้ำที่ดึงขาเธอเธอก็ไม่เคยปริปากพูดมันออกว่า แต่ทุกคนต่างชื่อเรื่อง ผีบังตา ไม่ให้หาตัวของน้ำตาลเจอ
ต่อมาเธอมักจะเห็น ได้ยินเสียง และสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่คนอื่นไม่สามารถสัมผัสได้ อย่างเช่น เห็นคนที่ตายไปนานแล้ว ทั้งในความฝันและโลกของความจริง ได้ยินเสียงคนพูดทั้งที่ฟังรู้เรื่องและไม่รู้เรื่อง หลากหลายภาษา
จนน้ำตาลอายุได้ 14 ปี และใกล้จะเข้าเรียนในระดับ ม.ปลาย เธอต้องเตรียมตัวเพื่อเข้าเรียนในโรงเรียนประจำจังหวัด ทำให้ตอนม.3 ช่วงปิดเทอม 1 น้ำตาลต้องเข้าไปเรียนพิเศษในตัวเมือง โดยการไปครั้งนี้เธอมีเพื่อนที่ไปด้วยกัน 5 คนรวมตัวของเธอด้วย  เพื่อความสะดวกทางครอบครัวจึงตกลงเช่าบ้านพักที่เดิมที่รุ่นพี่ในหมู่บ้านที่เข้าไปเรียนมหาลัยในตัวเมืองเช่าอยู่ ซึ่งในช่วงนั้นพี่ๆเขาปิดเทอมกันพอดีด้วย ค่าเช่าก็ไม่เเพงมาก อีกทั้งสะดวกต่อการเดินทางไปเรียน
ในกลุ่มเพื่อนๆที่ไปพักด้วยกันจะมีผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 3 คนรวมตัวของน้ำตาล โดยบ้านพักที่ไปเช่าอยู่จะเป็นบ้าน 2 ชั้น ด้านล่างจะเป็นปูน ตัวชั้น 2 จะเป็นไม้ตั้งแต่ตัวบันไดขึ้นไป เมื่อเดินขึ้นบันไดจะเจอกับประตูห้องที่1 ห้องนี้จะมีขนาดใหญ่กว่าทุกห้อง ห้องถัดไปจะอยู่ทางขวามือ ซึ่งเป็นห้องตรงกลาง ห้องนี้จะเล็กที่สุด และห้องสุดท้ายจะเป็นห้องขนาดกลางอยู่ติดกับระเบียง และห้องน้ำ บ้านเช่าหลังนี้เราใช้เป็นห้องน้ำรวม และจะมีพื้นที่นั่งกินขาวหรือทำกิจกรรมร่วมกันแค่ตรงบริเวณหน้าห้องของห้องที่1-2
ซึ่งจริงๆก็คือทางเดินออกไปตรงประตูระเบียงกับห้องน้ำนั่นเอง ห้องนอนพักอยู่จะเป็นห้องที่1 กับห้องที่3 ส่วนห้องที่ 2ที่เป็นห้องกลางจะมีเพื่อนของรุ่นพี่พักกันอยู่ 2 คนโดยพี่ผู้ชายจะเป็นนักดนตรี จะเล่นตามร้านต่างๆแทบทุกวัน ส่วนพี่ผู้หญิงที่เป็นแฟนก็จะออกไปทำงานด้วย ดังนั้นในช่วงกลางคืนจะมีแค่พวกน้ำตาลที่อยู่บ้าน

 

วันแรกของการอยู่บ้านเช่า…
วันแรกที่พวกน้ำตาลเข้าไปที่บ้านพักต่างก็รู้สึกตื่นเต้นกันมาก มันเป็นเหมือนการได้ออกมาเปิดโลกอย่างไงอย่างนั้น แต่ในวันแรกกลุ่มของพวกเรายังมากันไม่ครบ เพราะ “เท่ห์” จะตามมาในอีก 3 วัน และในตอนนั้นยังมีรุ่นพี่ที่ยังรอส่งงานอาจารย์อยู่อีก 1 คน ในตอนนั้นจึงแบ่งเป็นผู้หญิง 3 คนนอนห้องที่1 ส่วนรุ่นพี่กับ ตัง จะนอนห้องที่ 3 วันแรกหลังจากขนของเข้าห้องเสร็จรุ่นพี่ก็พาพวกเรามาไว้ศาลข้างบ้านเพื่อเป็นการบอกกล่าวเจ้าที่ ในตอนนั้นก็ไม่ได้มีใครคิดอะไรมาก เพราะก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องมีการบอกกล่าวเวลาเราไปอยู่ที่ไหน
แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่น้ำตาลเริ่มแปลกใจว่าทำไมต้องเอาทีวีไปไว้ที่ห้องที่ 3 ซึ่งห้องมันมีขนาดเล็กกว่าห้องที่ 1 พอไปถามรุ่นพี่หรือ “พี่นะ” แกก็บอกว่าพอดีคนที่นอนห้อง1 ไม่ค่อยชอบดูทีวีหนะ (ต้องบอกก่อนว่ารุ่นพี่ที่นี้จะอยู่ 2 ห้องทั้งหมด 7 คน ก็แชร์ๆกันไม่ได้แบ่งกันตายตัวว่าใครจะอยู่ห้องไหน ) พวกเราก็ไม่ได้ติดใจอะไร ผ่านไป 3 วัน เท่ห์ก็มาถึงที่บ้านเช่า และทำึวามรู้จักกับพี่นะ แกก็พา เท่ห์ ลงมาไหว้บอกกว่าเจ้าที่เช่นกัน ในคืนนั้นพวกเรา 6 คนรวมพี่นะนั่งกินข้าวล้อมวงกันตรงบริเวณทางเดินหน้าห้อง และพี่นะก็ได้บอกว่าอีก 2 วันแกก็จะกลับบ้านแล้ว แกส่งงานอะไรเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็โอเคเพราะพอจะรู้เส้นทางไปซื้อของ ร้านข้าว ร้านยา ตลาด และจุดขึ้นรถไปเรียน
แต่ในช่วงที่พี่นะยังไม่กลับในตอนเช้าที่เจอหน้ากันแกมักจะถามน้ำตาลเสมอว่า นอนหลับไหม เพื่อนๆโอเคกับห้องไหม จะถามแบบนี้ทุกวัน ซึ่งน้ำตาลก็ตอบไปตามตรงว่าก็นอนหลับปกตินะ คนอื่นก็ไม่เห็นมีใครพูดหรือบ่นอะไร พี่นะแกก็ตอบแบบยิ้มๆว่า “งั้นก็ดีแล้ว”
พอถึงวันที่พี่นะจะกลับบ้านตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 5 โมงเย็น พี่นะเดินไปเคาะห้อง “พี่นุพี่ส้ม” เพื่อจะบอกลาและจะฝากดูแลพวกน้ำตาลด้วย แต่สิ่งที่ “แบม” ได้ยินที่พี่นะกับพี่นุทั้งสองคุยกันกลับทำให้เธองง เพราะพี่นุเอ่ยถามพี่นะว่า “ได้บอกน้องมันไหม?” “น้องๆมันรู้แล้วใช่ไหม?” พี่นะก็ตอบพี่นุไปว่า “ไม่ได้บอก แต่ดูแล้วไม่น่าจะมีอะไรนะ ถ้าน้องมันไม่ถามมึงก็ไม่ต้องพูดอะไรหละ”
พูดจบพี่นะกำลังจะเดินไปขึ้นรถ แต่พี่นุก็เรียกบอกพี่นะว่า “กูอยู่อีกไม่ถึง 2 อาทิตย์นะเพราะส้มใกล้จะคลอดแล้ว น่าจะอีกสักพักเลยถึงจะได้กลับมา” พี่นะนิ่งไปพักหนึ่งแล้วจึงพยักหน้าเข้าใจ แล้วทั้งสองคนก็แยกย้าย พี่นะขับรถกลับบ้าน แต่ก็ไม่ลืมหันกลับมาไหว้ตรงศาลอีกครั้ง ในตอนนั้น “แบม” เป็นคนเห็นและได้ยินทุกอย่างชัดเจน แต่แบมก็ไม่ได้เอามาเล่าให้เพื่อนๆฟัง
ผ่านไปไม่กี่วันพวกน้ำตาลก็เริ่มไปเรียนวันแรก แต่ที่มาอยู่ก่อนเพราะอยากให้คุ้นชินเส้นทาง วันนี้ทุกคนดูตื่นเต้นเตรียมตัวจะออกจากบ้านเช่า เป็นขณะเดียวกันกับที่พี่ส้มกลับมาจากซื้อข้าวพอดี พี่ส้มที่ตอนนี้ท้องแก้ใกล้คลอดเธอก็ยิ้มให้ แล้วแซวๆว่าอย่าขึ้นรถผิดสายนะ พวกน้ำตาลจึงขำๆกัน ก่อนจะยกมือไหว้พี่ส้มและศาลข้างบ้าน….

 

ตกดึกของการไปเรียนวันแรก….
พอทุกคนทำธุระส่วนตัวเสร็จได้มานั่งดูทีวีอยู่ที่ห้อง3 เหมือนทุกวัน ปกติเราจะเปิดไฟแค่ตรงทางเดินหน้าห้องเท่านั้น ในห้องก็จะมีแสงจากจอทีวี และข้างนอกก็มีแสงไฟค่อนข้างจะสว่าง เพราะบริเวณรอบๆจะเป็นหอพัก ร้านค้า พวกเรานอนดูที่วีกันอยู่ตามปติ และเปิดประตูห้องไว้ด้วย อยู่ๆตังจากที่นอนดูทีวีอยู่ก็มองไปนอกประตู ตรงจุดบันไดทางขึ้นมาชั้น2 มองอยู่อย่างนั้นสักพัก แล้วหันไปมองตรงระเบียงข้างนอกห้อง มองสลับไปมา
จังหวะที่ตังกำลังจะตะโกนร้องออกมาน้ำตาลได้เอามือปิดปากตังไว้ก่อน สักพักเงาในหน้าต่างที่ยืนอยู่ตรงระเบียงก็เดินเข้ามาในห้อง นั่นคือแบมที่ออกไปคุยโทรศัพท์ พอหันกลับไปที่ตรงจุดบันไดกลับเห็นบริเวณหัวที่กำลังเดินลงไปฉันหนึ่ง…
สายตาของน้ำตาลและตังที่มองแบมจนเธอสงสัยว่ามองอะไร น้ำตาลเลยบอกว่า “ไม่มีไร แล้วแบมไปไหนมาหรอ ” แบมเลยตอบว่า “ออกไปคุยกับทางบ้านที่ระเบียงมา” ได้ยินแบบนั้นน้ำตาลก็นิ่งไปแต่ตังกลับตัวสั่นนอนเอาผ้าคลุมโปง สั่นชนิดที่ทำเอาเท่ห์ที่นอนหลับอยู่ตื่น เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ จูน อาบน้ำเสร็จเดินเข้ามาในตัวบ้านและปิดประตูหลังบ้าน เห็นแบบนั้นน้ำตาลเลยตัดบทไปว่าป่ะแยกย้ายนอน แบมก็ยังคงทำหน้างงๆ
พอเข้ามาในตัวห้อง จูนนั่งเป่าผมด้วยพัดลง ส่วนน้ำตาลกับแบมเตรียมตัวที่จะนอนแล้ว โดยน้ำตาลจะนอนริมสุดติดกับหน้าต่าง จูนนอนกลางแบมนอนถัดจากจูน ก่อนนอนน้ำตาลจะมีหน้าที่ปิดหน้าต่างทุกวัน และเนื่องจากประตูห้อง1มันตรงกับบันไดทางขึ้นมาชั้น 2 ฉะนั้นหากมีคนขึ้นมาชั้น2 คนในห้อง1จะรู้เพราะจะมีเงาที่มองเห็นได้ตรงช่องใต้ประตู
ตกดึกในคืนนั้นน้ำตาลได้ยินเสียงแมวร้องเหมือนเสียงเด็ก แต่รู้สึกว่าเสียงมันอยู่ใกล้มากๆ เลยลืมตาขึ้นเพื่อดูว่าแมวอยู่ตรงไหน แล้วน้ำตาลก็ต้องตกใจเพราะแมวมานกอยู่ตรงหน้าต่างข้างๆเธอ โดยที่หน้าต่างเปิดออก และผ้าม่านก็ถูกม้วนขึ้นข้างบน แต่น้ำตาลจำได้ว่าเธอปิดหน้่ต่างและผ้าม่านแล้ว ทำไมกลางดึกถึงเป็นแบบนี้ได้….
น้ำตาลไล่แมวตัวนั้นให้ลงไปจากหน้าต่าง เสียงดังจนทำให้แบมและจูนตื่น และทั้งสองก็ทั้งงงและตกใจกับภาพที่เห็นเลยรีบไปเปิดไฟห้อง แต่ก็ช่วยกันไล่แมวให้ลงจากหน้าต่าง ไปตามหลังคาที่มันขึ้นมา แต่ก็ไม่เป็นผล…แมวแก่ตัวนั้นจ้องน้ำตาลพร้อมกับร้องขู่อย่างกับเสือ น้ำตาลเองก็โมโหแล้วจ้องแมวแก่กลับไปเช่นกัน หลังจากนั้นอยู่ๆไฟก็ตกเพียงไม่ถึง3 วินาทีไฟก็กลับมาติดปกติ พอหันไปที่หน้าต่างแมวแก่ตัวนั้นก็หายไปแล้วแถมหน้าต่างและผ้าม่านก็ปิด!!!

 

เชื่อไหมว่าในคืนนั้นทั้ง3สาวไม่มีใครนอนหรือพูดอะไรกันเลย จนในเวลาเช้าเมื่อมาถึงที่เรียนตังเป็นเปิดประเด็นขึ้นมาก่อนว่า “เมื่อคืนตาลเห็นใช่ไหม?” น้ำตาลจึงพยักหน้าเป็นคำตอบ แล้วก็พูดคุยกันต่อในเรื่องที่เกิดขึ้นในห้อง1 แต่จูนกับแบมไม่อยู่ในตอนนั้น เรื่องในห้อง1น้ำตาลก็เป็นคนพูดเบี่ยงประเด็นให้จูนกับแบนเข้าใจว่าเป็นเรื่องบังเอิญด้วยความงัวเงียพึ่งตื่น
หลังจากวันนั้นน้ำตาลจะเจอผู้หญิงคนนึงมาหาทุกวัน จนมันกลายเป็นเรื่องปกติ คนอื่นๆจะสัมผัสได้เป็นบางครั้ง มาในรูปแบบเงาดำ เสียงร้องไห้ หรือความรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างในบ้านเช่าหลังนั้น เมื่อวันที่พี่นุพี่ส้มจะกลับบ้าน….
พี่นุมาคุยกับน้ำตาลว่าถ้ามีอะไรให้โทหาพี่นะทันที ถ้าใครจะพาแฟนมานอนที่นี้ด้วยให้ไปนอนที่ห้องพี่นุ (ห้อง2) เท่านั้น น้ำตาลก็งงๆแต่ก็พยักหน้าเข้าใจ ช่วงแรกจะเป็นน้ำตาลที่เจอเหตุการณ์แปลกๆ แต่หลังๆเพื่อนคนอื่นก็เริ่มจะเห็นผู้หญิงคนนึงเช่นกัน เธอจะเดินเข้าห้องและเดินออกจากห้องในเวลาเดิมๆแบบนั้น
มีวันหนึ่งที่แบมพาแฟนมาค้างที่ห้องคืนนั้นจึงต้องนอนเบียดกัน 4 คน เวลาประมาณตี 3 แฟนของแบมก็ร้องเสียงดัง พอแบมลุกไปเปิดไฟภาพที่ทั้ง 3 คนเห็นคือแฟนแบมบีมคอตัวเองดิ้นไปมาตาเหลืก ทั้ง3 พยายามเรียกและดึงมือเขาออกแต่ก็ไม่เป็นผล ตังกับเท่ห์ที่เป็นผู้ชายแท้ๆก็สู้แรงไม่ได้ เมื่อเห็นท่าไม่ดีตาลจึงโทรไปหาพี่นุ โชคดีที่พี่แกรับสาย พี่นุจึงบอกให้เข้าไปในห้องแกแล้วเอาสร้อยพระที่แควนอยู่ตรงบนประตูมาให้แฟนแบมใส่ไว้
ได้ยินดังนั้นน้ำตาลและเท่ห์ก็จัดการทำตามที่พี่นุบอก ทุกอย่างจึงกลับมาปกติ ส่วนตัวของแฟนแบมเล่าว่าเขาฝันถึงผู้กญิงคนหนึ่งสวยมาก ผมยาว ใส่ชุดนักศึกษา เปิดประตูเข้ามาหาแล้วมาพูดคุยกับเขา แล้วในฝันเขากับผู้หญิงคนนั้นกำลังมีสัมพันธ์กัน!!! แต่พอรู้เรื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง แฟนแบนก็ถึงกับหน้าซีดและขับรถกลับในตอนนั้นเลย ส่วนเท่ห์ก็เอาสร้อยพี่ของพี่นุไปไว้ที่เดิม

 

เมื่อต้องรู้ความจริง….
ทุกวันหลังจากนั้นเวลาจะทำอะไรทั้ง 5 คนจะไปไปคนเดียวหรือทำอะไรคนเดียว แม้แต่เวลาอาบน้ำ ก็ต้องมายืนรอกันที่ระเบียงหน้าประตูห้องน้ำ แถมไม่ปิดประตูห้องน้ำสนิท แง้มๆประตูไว้ แต่น้ำตาลกับเท่ห์ไม่ถึงขนาดนั้นเรียกว่าชินไปเลย เท่ห์บวชเรียนมาตั้งแต่เด็กและเป็นค่อนข้างมีสติ ส่วนน้ำตาลเห็นบ่อยจนมันเคยชิน และเธอพูดไปลอยเมื่อเห็นเงาเดินขึ้นมาบนชั้น 2 ในเวลาเดิม โดยน้ำตาลกล่าวว่า พวกเราต่างคนต่างอยู่ “พวกเราแค่มาต้องการที่พักระหว่างที่มาเรียน แต่ถ้าพวกเรารบกวนหรือทำอะไรให้ไม่พอใจพวกเราก็ขอโทษด้วย”
เท่ห์กับน้ำตาลที่พอรู้และเข้าใจจึงพยายามไม่พูดหรือแสดงออกอะไรที่ทำให้เพื่อนคนอื่นกลัวไปมากกว่านี้ แต่ก็ไม่วายที่จะเกิดเรื่อง เมื่ออยู่ๆจูงที่นอนกลางวันอยู่ก็กรี๊ดลั่น ทุกคนวิ่งไปดูก็เห็นว่าจูนตัวสั่นร้องไห้ บอกว่าเจอผู้หญิงสวยผมยาวใส่ชุดนักศึกษาเคาะประตูและเข้ามาในห้อง ตอนนั้นจูนบอกว่าไม่ได้ฝัน พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ตื่นและหันไปทางประตูดูว่าใครมา แต่พอเห็นแบบนั้นจูนเลยกรี๊ดและร้องไห้ ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะเข้ามาใกล้จูงแล้วเปลี่ยนจากใบหน้าสวยเป็นหน้าเละ ที่เต็มไปด้วยเลือดและกลิ่นเหม็นเน่า
ตังทนไม่ไหวจึงถามตาลไปว่าตาลรู้อะไรใช่ไหม ตาลต้องบอกทุกคนทั้งหมด เพราะตอนนี้พวกเขาจะเป็นบ้ากันอยู่แล้ว….
ก่อนอื่นเท่ห์เลยเสนอว่างั้นย้ายไปอยู่ห้อง3 กันให้หมดทั้ง 5 คนนี่แหละ ทุกคนก็โอเคเอาตามที่เท่ห์บอก พอทุกคนพร้อมฟังเรื่องทั้งหมด น้ำตาลจึงโทรไปหาพี่นุ
น้ำตาล : พี่นุ ที่บ้านเช่ามีอะไรใช่ไหมคะ?
พี่นุ : ตาลเจอเขาแล้วหรอ?
น้ำตาล : แสดงว่าพี่นุรู้อยู่แล้วแต่ไม่บอกตั้งแต่แรก ตาลก็ว่ารู้สึกแปลกๆตั้งแต่มาถึง
พี่นุ : พี่เห็นว่าช่วงแรกที่พี่ยังไม่กลับตาลบอกว่าปกติดี นอนหลับเพื่อนๆก็โอเค เลยคิดว่าไม่ต้องเล่าจะดีกว่าจะได้สบายใจ
น้ำตาล : พวกตาลต้องทำยังไงต่อ แล้วพี่เล่าให้ฟังได้ไหม?
พี่นุ : เรื่องทั้งหมดวันที่ตาลย้ายกลับพี่จะเล่าให้ฟัง ระหว่างนี้ถ้ากลัวก็นอนรวมกันไปก่อน ไม่กี่วันก็จะกลับกันแล้ว
น้ำตาล : โอเคค่ะ เอางั้นก็ได้

วิญญาณผู้หญิง คนนั้นยังปรากฎตัวให้เห็นเป็นปกติ เข้าออกห้อง1 ในเวลาเดิมแต่เรื่องนี้จะมีแค่น้ำตาลที่เห็นการกระทำของเธอ เพื่อนคนอื่นจะแค่ได้ยินเสียง หรือรู้สึกเหมือนมีคนเดินผ่าน จนมาถึงวันสุดท้านที่เราจะอยู่บ้านหลังนั้นกัน พี่นะเป็นคนมารับพวกเรา และได้เล่าให้ฟังว่าทุกคนที่พักอยู่ที่นี่จะรู้กันดีเรื่องมี วิญญาณ ที่วนเวียนไม่ยอมไปไหน ยังทำเหมือนเธอตอนมีชีวิญอยู่
แต่งตัวไปเรียนและกลับห้องมาในตอนเย็นเป็นแบบนี้ทุกวัน ไม่ค่อยมีผู้ชายคนไหนนอนห้อง1 ได้ ถ้านอนก็จะฝันถึงเธอคนนั้น บางคนถึงขั้นฝันว่ามีสัมพันธ์ลึกซึ่งกับเธฮคนนั้นเลย และพอเสร็จกิจเธอก็จะเปลี่ยนจากหน้าสวยเป็นหน้าเละ และหวังจะเอาชีวิต และปกติเขาจะไม่ทำอะไรผู้หญิง พี่นะเลยไว้ใจที่จะให้ทุกคนอยู่ที่นี่ ส่วนพี่นุแกเป็นคนมีของดี และมีสัมผัสที่6 เดอะซิกซ์เซนส์ เเกเป็นคนที่อยู่ที่บ้านนี้ตั้งแต่แรกๆ แต่ก็หลังจากเหตุการณ์อันน่าเศร้านี้

วิญญาณนักศึกษาสาว….
โดยเริ่มเรื่องเกิดมาจากว่า เมื่อก่อนบ้านเช่านี้จะเป็นบ้านเช่าที่รับเฉพาะผู้หญิง จะมีทั้งหมด 4 ห้อง และห้องที่4 ก็อยู่ที่ชั้น1 ที่ถูกปิดตายอยู่ในตอนนี้ ส่วนผู้หญิงที่เราเจอเธอพักอยู่ที่ห้อง1 กับเพื่อนอีกคน มีอยู่วันนึงเธอกลับจากห้องและเผลอหลับไป แต่ก็สะดุ้งตื่นเพราะเหมือนเธอรู้สึกว่ามีอะไรเข้ามาคุกคามร่างกายเธอ!!!
และนั้นก็เป็นเรื่องจริงมีผู้ชายคนหนึ่งพยายามจะข่มขืนเธอ เธฮดิ้นรนขัดขืนแต่ก็สู้กำลังผู้ชายคนนั้นไม่ได้ เธอถูกทำร้ายจนสลบไป…
คืนวันเดียวกันรูมเมทที่พักห้อง1 กลับจากดูหนังกับแฟนหนุ่ม พอเปิดประตูห้องก็ตกใจที่ข้าวของกระจัดกระจาย เจอรองเท้าและกระเป๋าของเพื่อน แต่หาเพื่อนไม่เจอ จึงไปแจ้งตำรวจและได้ทำการค้นหา และมาพบว่าเธอกลายเป็นศพอยู่ที่ห้อง4 ที่อยู่ชั้น1 ผู้ชายที่ทำร้ายเธอเป็นแฟนของเจ้าของห้องเช่าห้องนั้น เธอแอบพาแฟนมาอยู่ที่ห้องด้วย แต่ในวันที่เกิดเรื่องเธอกลับบ้านต่างอำเภอ ชายผู้ก่อเหตุหนีหายไป แต่ก็โดนจับได้ในที่สุด ห้อง4 จึงโดนปิดตาย และบ้านเช่าก็ไม่มีใครก็มาเช่าอยู่ลดราคาจนเหลือห้องละ 1500 บาทรวมค่าน้ำค่าไฟ และเปลี่ยนเป็นห้องเช่าสำหรับผู้ชายตั้งแต่นั้นมา
ส่วนพี่นุเองพอเข้ามาอยู่ก็เจอเธอตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่และได้รับรู้เรื่องราวผ่านตัววิญญาณนักศึกษาโดยตรง และที่ห้ามผู้ชายเข้าห้อง1 เพราะเธอเกลียดผู้ชาย เธอฝังใจเจ็บแค้น…และพี่นุอยากให้พี่นะบอกน้ำตาลตั้งแต่แรกเพราะพี่นุรู้ว่าน้ำตาลมี สัมผัสพิเศษ ไม่อยากให้มารับรู้ความเจ็บปวดของวิญญาณดวงนี้ พี่นุแกมักจะสัมผัสและรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดก่อนหมดลมหายใจของ วิญญาณนักศึกษาสาว แต่ตัวน้ำตาลเองไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลย อาจเป็นเพราะเธออยากให้ผู้ชายรับรู้ถึงความเจ็บปวดนั้นที่เธอได้รับ
ฟังจบทุกคนก็พอเข้าใจและเห็นใจเธอมากที่ต้องเจอเหตุการณ์แบบนั้น และได้บอกลากล่าวขอโทษขอขมากับทุกๆสิ่ง ที่ได้ล่วงเกินทั้งทางกาย วาจา และใจ…

 

…น้ำตาลกลับถึงบ้านก็คิดจะไปทำบุญให้วิญญาณดวงนั้น แต่ก็พึ่งทราบข่าวว่า พ่อใหญ่กาญ ล้มป่วยหนัก และประโยคสุดท้ายที่ลูกสาวได้ยินจากปากพ่อใหญ่กาญคือ “เขาตามมาเอาคืนกูแล้ว” โปรดติดตาม ดอะซิกซ์เซนส์  ตอนต่อไป